Recent Posts
Science Experiences Manangement for Early Childhood
Teacher Jintana Suksamran
Friday,Septer 12,2557.
ความรู้ที่ได้รับ
การนำเสนอบทความ
1.บทความเรื่อง...การจัดประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กอายุ 3 – 6
ขวบ
มิได้หมายถึงสาระทางชีววิทยา
เคมี กลศาสตร์ แต่เนื้อหาวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยคือ สาระเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กที่เด็กควรรู้
การเรียนการสอนมุ่งเพื่อให้เด็กเกิดความเข้าใจมากกว่าที่จะจำเป็นองค์ความรู้
การเรียนวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัยแตกต่างจากเด็กวัยอื่นที่เด็กปฐมวัยมีการเจริญของสมองที่รวดเร็วและต้องการการกระตุ้นเพื่อการงอกงามของใยสมองในช่วงปฐมวัย แต่ขณะเดียวกันพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก อายุ 2
– 6 ขวบ ยังเป็นช่วงก่อนปฏิบัติการ (pre – operative stage)
เด็กเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง
(self - centered) และมองสิ่งรอบตัวโดยเน้นที่ตัวของเด็กเอง
เด็กจะรับรู้และคิดถ่ายโยงเป็นทิศทางเดียวไม่ซับซ้อน เช่น
รู้สี รู้รูปร่าง โดยรู้ทีละอย่าง จะเรียนรู้สองอย่างพร้อมกันไม่ได้ หรือเอามาผนวกกันไม่ได้ ซึ่งการเรียนวิทยาศาสตร์เป็นการเรียนเพื่อฝึกเด็กให้บูรณาการข้อความรู้ต่าง
ๆ เข้าด้วยกันโดยให้เด็กรู้จักสังเกต ค้นหา
ให้เหตุผล หรือทดลองด้วยตนเอง ด้วยเหตุนี้การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยจึงต้องเริ่มจากทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ได้แก่
การสังเกต การค้นคว้าหาคำตอบ การให้เหตุผล
ตามด้วยการเรียนทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
และความรู้ทางวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กโดยใช้ประสบการณ์จริงและการทดลองปฏิบัติ เช่น
การเรียนรู้การเจริญเติบโตของพืชด้วยการทดลองปลูกพืช สังเกตความสูงของพืช และการงอกงามของพืช
2.บทความเรื่อง...วิทยาศาสตร์และการทดลอง
ไข่เอ๋ย...จงนิ่ม
อุปกรณ์
1.แก้ว 1 ใบ
2ไข่ไก่ 1ฟอง
3.น้ำส้มสายชู
วิธีการทดลอง
นำไข่ไก่ที่เตรียมใส่ลงไปในแก้วแล้วเทน้ำส้มสายชูใส่ลงไปให้ท่วมไข่
ทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน
แล้วเทน้ำส้มสายชูออก จากน้ำลองจับไข่ไก่ดู
สรุปผลการทดลอง
น้ำส้มสายชูเป็นสารเคมีประเภทกรดอินทรีย์ได้แก่ กรดน้ำส้มหรือกรดอะซิติก สามารถละลายแคลเซียมได้ เปลือกไข่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้เปลือกไข่เเข็ง เมื่อถูกละลายหายไป เปลือกไข่จึงนิ่ม
ทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานของเด็กปฐมวัยควรได้รับการพัฒนาและส่งเสริม
ทั้ง 7 ทักษะ คือ
1.ทักษะการสังเกต
(Obervation skills)
2.ทักษาการจำแนกประเภท
(Classification skills)
3.ทักษะการวัด (Measurement
skills)
4.ทักษะการสื่อความหมาย
(Interpretive skills)
5.ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล
6.ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส
และสเปสกับเวลา (Space skills)
7.ทักษะการคำนวณ
(Numeracy skills)
นิทานเป็นสื่อที่เราเห็นทั่วไป
เป็นสื่อการเรียนรู้ที่หาง่าย
ส่วนใหญ่นำเอามาเล่าให้เด็กฟังเพื่อความเพลิดเพลินแล้วก็จบไป แต่ที่จริงแล้วนิทานเป็นสื่อที่ดี ช่วยให้เด็กๆ
เรียนรู้ได้หลากหลาย ที่เห็นชัดเจน คือ
เรื่องของภาษา คำพูด เสียง ยิ่งนิทานที่มีคำซ้ำๆ เด็กจะฟังและเลียนแบบคำได้
นอกจากนั้นก็ยังมีความคิดสร้างสรรค์ มีวิทยาศาสตร์
คณิตศาสตร์และความรู้ด้านต่าง ๆสอดแทรกผ่านวิธีคิดที่เป็นเหตุผล เช่น
ในนิทานเรื่องลูกหมู 3 ตัว
ที่วิทยากรยกตัวอย่างในการอบรมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้
ได้สอดแทรกเรื่องเกี่ยวกับวิธีการสร้างบ้าน ลำดับ พื้นที่ ทิศทาง ซึ่งคุณครูหรือผู้เล่านิทาน
จะต้องมาเลือกดูว่าต้องการให้เด็กเรียนรู้ด้านใด แล้วแต่ว่าจะหยิบจับจุดใดมาเล่า
แล้วเด็กก็จะได้ประสบการณ์ตรงนี้
ดร.
อุไรวาส ปรีดีดิลก ฝากทิ้งท้ายว่า
ในส่วนของคุณครูผู้สอนระดับปฐมวัยนั้น ปกติใช้นิทานในการเรียนการสอนอยู่แล้ว
แต่อยากให้มองในการใช้นิทานเป็นสื่อในการพัฒนาเด็กหลายๆ ด้าน
ไม่ใช่แต่เพียงด้านภาษาอย่างเดียว อยากให้สอดแทรกเรื่องอื่นเข้าไปด้วย
ซึ่งครูสามารถใช้นิทานเป็นสื่อการเรียนการสอนได้เยอะแยะแตกแขนงมากมายหลายสาขาวิชา
สามารถใช้นิทานเพื่อนำไปสู่การทำโครงงานเล็กๆ การทดลองเล็ก ๆ
หรือการทำกิจกรรมในชั้นเรียน ทำให้เกิดทักษะหลากหลาย
.....นิทานเรื่องเดียวที่เล่าไปก็จะไม่จบไปในแค่นั้น...
แต่จะจุดประกายต่อยอดไปสู่การพัฒนาความคิดและทักษะอื่นๆ อีกมากมายได้
นำเสนอบทความของเพื่อนเสร็จแร้ว อาจารยืได้สอนเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับเรื่อง..ทักษะวิทยาศาสตร์เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัย สรุปได้ดังนี้
การนำไปประยุกใช้
- ได้เรียนรู้แนวทางในการจัดการเรียนการสอนทางวิทยาศาสตร์ เช่นนำกิจกรรม ไข่เอ๋ย..จงนิ่ม ไปจัดกิจกรรมในชั้นเรียนให้กับเด็กๆได้
- ได้เรียนรู้เทคนิคและการเลือกเล่านิทานที่ดีและถูกต้อง อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลไปให้คำแนะนำแก่พ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีความสนใจเกี่ยวกับการเล่านิทานได้
การประเมิน(Evaluation)
ประเมินตนเอง(Self)
มาเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีความตั้งใจในการเรียน ช่วยแสดงความคิดเห็น/หรือตอบคำถาม จากเพื่อนและอาจารย์
มาเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีความตั้งใจในการเรียน ช่วยแสดงความคิดเห็น/หรือตอบคำถาม จากเพื่อนและอาจารย์
ประเมินเพื่อน(Friends)
วันนี้เพื่อนมีความตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถามจากี่อาจาย์สรุปบทความและเนื้อหาที่สอนได้ดี
ประเมินอาจารย์(Teachers)วันนี้เพื่อนมีความตั้งใจเรียน ช่วยกันตอบคำถามจากี่อาจาย์สรุปบทความและเนื้อหาที่สอนได้ดี
อาจารย์มีเทคนิกในการใช้คำถามถามนักศึกษา เพื่อเช็คว่านักศึกษาเข้าใจหรือไม่ เข้าใจอย่างไร เช่นการใช้คำถามถามเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับบทความของเพื่อนๆแต่ละคน แล้วนำมาอธิบายเชื่อมโยงกับวิทยาศาสตร์ให้นักศึกษาเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น